บันทึก (ไม่ลับ) ของแม่ค้านักเขียน ตอน 1
ความมีหนี้เป็นทุกข์ในโลก
โดย ม้าไม้
ในบรรดาถ้อยคำที่น่าประทับใจหรือให้แง่คิดจากปวงนักปราชญ์ในโลกนี้ ม้าไม้คืออีกคนหนึ่งที่เห็นว่าพุทธวจนะเป็นอมตะที่สุด (ความมีหนี้เป็นทุกข์ในโลก) โดยเฉพาะเมื่อมาถึงวันที่ตนเองกลายสภาพเป็นลูกหนี้ธนาคารกับเขาไปด้วย จากที่ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต
ก็จะอะไรเสียอีกเล่า?
พอโรคระบาดโควิดเข้ามา เราก็ได้ใช้สิทธิของการเป็นผู้มีอาชีพอิสระที่ไม่ใช่เกษตรกร รายได้ไม่เกินสามหมื่นบาทต่อเดือน มีสัญชาติไทย อายุไม่เกิน 70 ปี และมีที่อยู่แน่นอน ได้รับสิทธิยืมเงินของธนาคารออกมาอย่างราบรื่น 10,000 บาท จ้า
เปล่าค่ะ ทุนก้อนแรกนี้ ม้าไม้ยังไม่ได้เอามาลงทุนค้าขายนะคะ เพราะเหตุว่าเจ้าคอมพิวเตอร์คู่ใจพังค่ะ เมนบอร์ดไหม้ส่งกลิ่นโฉ่เลยละ ผู้รู้บอกว่าต้องถึงเวลาเปลี่ยนเครื่องแล้วพี่ เอ้า! งั้นก็มองหาของมือสองมาแทนเสียเลย จะได้ไม่ต้องจ่ายแพงเกินไป เพราะเราแค่นำมาใช้พิมพ์งานเท่านั้น
ทีนี้ม้าไม้ก็เข้าไปดูในกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าอำเภอบ้านเรา พบพ่อลูกอ่อนคนนึงตกงานมาจากต่างจังหวัดพอดีและประกาศขายเครื่องคอมตั้งโต๊ะ เขาย้ำมาในโทรศัพท์ด้วยว่า
“ถ้าพี่ซื้อเครื่องผมนะ เท่ากับช่วยได้อีกตั้งสามชีวิตเลยครับพี่ ผม ลูกสาวผม แล้วก็พ่อของผม”
โถ.... พอไปดูหน้าตาสินค้าที่บ้านน้องเขาพร้อมกับลูกน้อยตาแป๋ว เราก็ตกลงเลยจ้ะ สองพันห้าร้อยบาทขาดตัว (เจ้าของอุตส่าห์บรรทุกสามล้อพ่วงมาส่งให้อีกต่างหาก เล่นเอาเครื่องเคราขยับ ส่งผลให้เปิดมาหน้าจอมืดเชียว ทำเอาม้าไม้ใจเสีย ต้องอุ้มไปให้หมอคอมดูอีก เฮ้อ...ก็แค่ขยับแรมนิดนึง)
คอมพิวเตอร์ครบชุดมาแล้ว ก็ยังไม่จบนะ เพราะว่าไฟฟ้าที่บ้านม้าไม้ซึ่งอยู่ในเขตบ้านทุ่งหลังคามุงสังกะสีน่ะมันตกบ่อยเกิ๊น พิมพ์งานอยู่ดี ๆ เดี๋ยวก็วูบ ๆ สงสารคอมที่ถูกไฟกระชากบ่อย ๆ จึงตัดใจควักอีกเกือบสองพันซื้อกล่องสำรองไฟมาตัวนึง ตานี้จะได้อุ่นใจและถนอมอายุการใช้งานเจ้าคอมพิวเตอร์ตัวนี้
สี่พันห้าหมดไปกับอุปกรณ์ทำงาน ส่วนที่เหลือก็คือ ค่ารักษาชีพทั้งหลาย ตั้งแต่ค่าโทรศัพท์รายเดือน (เลี้ยงเน็ตเอาไว้ติดตามข่าวสารการงานและเรื่องราวบำรุงใจ) ค่าแก๊ส (ก็เอาถังไปขายแล้ว เลยต้องไปซื้อคืนกลับมาอีก 555) ค่าประกันสังคมรายเดือน ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำ ค่าอาหารทั้งของตนเองและสุนัขคู่ใจ (จำเป็นต้องมี ไม่งั้นจะมีสุนัขจรป้วนเปี้ยนมากระทำการวุ่นวายโดยมิได้รับเชิญ) สะระตะแล้วก็ไม่สามารถหยอดกระปุกได้เลย
ที่จริงโควิดมาต้นปี 2563 ม้าไม้ยังไม่โดนผลกระทบจัง ๆ หรอกค่ะ แต่มาโดนเต็ม ๆ ตอนปลายปีที่งานเก่าหมดสัญญาลงพอดีในเดือนตุลาคม ตอนนั้นหางานใหม่ได้ทันทีเหมือนกัน แต่ไม่มีสัญญา แล้วพอต้นเดือนธันวาคม 63 ลางร้ายก็ปรากฏคือ ผู้จ้างขอยืดเวลาการจ่ายค่าจ้างออกไปจากที่เคยจ่ายเป็นรายสัปดาห์เปลี่ยนเป็นทำส่งเดือนนี้จ่ายกลางเดือนหน้าโน่นเลยค่ะ ช้ำไหมล่ะ (แต่ก็ต้องอดทน ฮึบ ๆ)
มรสุมชีวิตยังโหมกระหน่ำต่อเนื่องจ้า ถัดมาเดือนมกราคมกลางเดือนเจอเจ้าของงานวีนเหวี่ยงแบบอารมณ์ศิลปิน นึกจะไม่พอใจก็ปัดตก ไม่แฮปปี้กับงานที่ส่งไปซะงั้น แต่คุณเอเยนซี่คนนี้ก็แสนดี ช่วยพยุงสถานการณ์เท่าที่จะทำได้ หนักเข้าเจอสภาวะอารมณ์ศิลปินค้างต่อเนื่องค่ะ ผลที่สุดเอเยนซี่เราทนไม่ไหว เลยต้องโบกมือลากันทั้งคู่ ประมาณว่านัดพบกันอีกเมื่อเขาหางานใหม่ได้
สรุปว่า นับแต่เดือนกุมภาพันธ์ 64 เป็นต้นมา ม้าไม้จึงกลายเป็นนักเขียนผู้ว่างงานทันที ในขณะที่มีกำหนดนัดชำระเงินกู้ที่ยืมมา 30 มกราคม (เดือนละห้าร้อยกว่าบาท) ซึ่งมารู้ทีหลังว่าระบบมันดูดเงินจากบัญชีเราออกไปตั้งแต่กลางเดือนมกราคมแล้วด้วยยยยยย
นี่แหละค่ะ ความมีหนี้เป็นทุกข์ในโลก นักเขียนจึงต้องกลายเป็นแม่ค้าอย่างม้าไม้นี่เอง รอติดตามตอนต่อไปวันพฤหัสหน้านะคะ
(ขอขอบคุณ ภาพประกอบจาก http://thaiproverb.kapook.com/?p=182)
- 👁️ ยอดวิว 1779
ความคิดเห็น
รอครับพี่
ขอบคุณมากค่ะ พบกันแน่นอน
แสดงความคิดเห็น