ตอนที่ 449 ชุลมุนสามฝ่าย
ตอนที่ 449 ชุลมุนสามฝ่าย
เผ่าพันธุ์เซิร์กเคยเดินทางเข้ามาภายในไซเรนฮิลล์แล้วหลายครั้ง ดังนั้นมันจึงมีบันทึกเกี่ยวกับบททดสอบภายในสถานที่แห่งนี้ถูกเก็บเอาไว้ในเต็นท์ทองคำ และถึงแม้ว่าพื้นที่ภายในจะมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างเป็นครั้งคราว แต่ความเปลี่ยนแปลงนั้นก็ไม่ต่างไปจากบันทึกของบรรพบุรุษพวกเขามากนัก
น่าเสียดายที่ในครั้งนี้มันได้มีเซี่ยเฟยเดินทางมาพร้อมกับพวกเขาด้วย และการปรากฏตัวของชายหนุ่มก็ทำให้สิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
อูดี้ล้างคราบเลือดในแม่น้ำและทาผงสีขาวที่เตรียมเอาไว้ทั่วทั้งร่าง โดยผงสีขาวเหล่านี้เป็นผงที่มีกลิ่นฉุนซึ่งช่วยปกปิดกลิ่นเลือดที่ฝังติดอยู่ตามร่างกายของนักรบได้ และมันก็เป็นผงสีขาวที่ถูกเตรียมเอาไว้ใช้หลบเลี่ยงต้นไม้ปีศาจในพื้นที่ชั้นที่ 2 โดยเฉพาะ
ทอมมี่, วินดี้, บาทอรี่, นานี่และหลี่โม่ต่างก็คอยปกป้องอูดี้อยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้มันยังมีเงาลึกลับอีกสองร่างคอยแฝงตัวอยู่ไม่ไกล ซึ่งทั้งสองก็คอยเว้นระยะให้อยู่ใกล้ ๆ กับอูดี้อยู่เสมอ
อูดี้เป็นคนที่ระมัดระวังตัวอยู่เสมอ ดังนั้นนอกจากเขาจะจัดองครักษ์เอาไว้ในที่แจ้งแล้วเขายังจัดองครักษ์เอาไว้ในที่ลับอีกด้วย และถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาจะถูกโจมตีจากสัตว์อสูรเป็นจำนวนมาก แต่องครักษ์ลับ ๆ ทั้งสองคนก็ยังคงปกปิดตัวตนไม่ยอมเปิดเผยตัวออกมาง่าย ๆ
ด้วยเหตุนี้เองถึงแม้ว่ากองทัพสัตว์อสูรจะทำให้นักรบภายในกองกำลังเสียชีวิตลงไปเกือบ 50,000 คน แต่อูดี้ก็ยังไม่สูญเสียความมั่นใจของเขามากนัก เพราะทุกครั้งที่เต็นท์ทองคำนำกองกำลังเข้ามาในไซเรนฮิลล์ มันก็มีบันทึกว่ากองกำลังจะเสียนักสู้ไปเป็นจำนวนมากเสมอ และการสูญเสียนักสู้ไปในคราวนี้ก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่เขาพอจะยอมรับได้
อย่างน้อยยอดนักสู้รอบ ๆ ตัวของเขาก็ยังคงปลอดภัยดี และยอดนักสู้เหล่านี้ก็มีความแข็งแกร่งมากพอที่จะนำเขาผ่านพื้นที่ชั้นที่ 5 ของไซเรนฮิลล์ไปได้ ส่วนนักสู้คนอื่นในกองกำลังก็เป็นเพียงแค่ตัวหมากที่เขาพร้อมจะสละทิ้งได้ทุกเวลา
หลังจากที่ตัวเองเตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว อูดี้ก็โบกมือสั้น ๆ เพื่อให้กองกำลังเคลื่อนที่ไปยังพื้นที่ชั้นที่ 2
แน่นอนว่าเหล่าบรรดาทหารที่ได้รับบาดเจ็บไม่สามารถที่จะเดินทางไปพร้อมกับกองกำลังได้ เพราะกลิ่นเลือดของพวกเขาจะทำให้ต้นไม้ปีศาจในพื้นที่ชั้นที่ 2 เกิดอาการคลั่ง วินดี้จึงแอบสังหารพวกเขาอย่างลับ ๆ แล้วปล่อยให้พวกเขาตายโดยไม่เจ็บปวด
นอกจากนี้ชานี่ยังนำกองกำลังบางส่วนจากไปอย่างกะทันหัน มันจึงทำให้กองกำลังของอูดี้เหลืออยู่จริง ๆ เพียงแค่ประมาณ 40,000 คนเท่านั้น
เหตุการณ์นี้ทำให้อูดี้เริ่มได้กลิ่นของแผนการร้าย เพราะมันเป็นเหตุการณ์ที่ผิดปกติมากที่เขาจะถูกพวกสัตว์อสูรจู่โจมทันทีที่เข้ามาภายในไซเรนฮิลล์ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรกองกำลังของเขาก็ต้องมุ่งหน้าต่อไป เพราะทางออกเดียวในมิติลึกลับแห่งนี้คือการออกไปทางพื้นที่ชั้นที่ 5 ในเวลา 14 วัน
หลังจากที่นักสู้แนวหน้า 20,000 คนขึ้นไปบนแท่นเพื่อเคลื่อนย้ายไปยังพื้นที่ชั้นที่ 2 วินดี้ก็หันมาพูดกับอูดี้ว่า
“ท่านราชาถึงคราวพวกเราแล้ว”
อูดี้พยักหน้าก่อนที่เขาจะเดินขึ้นไปบนแท่นพร้อมกับองครักษ์ทั้งห้าเพื่อเดินทางไปยังพื้นที่ชั้นที่ 2
อย่างไรก็ตามภาพแรกที่พวกเขาได้เห็นในพื้นที่ชั้นที่ 2 มันก็ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึง เพราะต้นไม้ปีศาจทั่วทั้งหนองน้ำกำลังอาละวาดอย่างบ้าคลั่ง
บริเวณรอบ ๆ แท่นเคลื่อนย้ายมีเถาวัลย์กวัดแกว่งไปมาอยู่เป็นจำนวนนับไม่ถ้วน แล้วมันก็มีเสียงร้องโหยหวนของทหารเซิร์กที่ถูกเถาวัลย์แทงทะลุร่างและลากร่างพวกนั้นเข้าไปกัดกินที่ลำต้น
ก่อนหน้านี้การจู่โจมของพวกสัตว์อสูรก็ทำให้กองกำลังของพวกเขาหายไปมากกว่าครึ่ง และเนื่องมาจากว่าในไซเรนฮิลล์ไม่สามารถใช้อุปกรณ์สื่อสารได้ นักสู้กองหน้าจึงไม่สามารถแจ้งข่าวไปบอกอูดี้ก่อนได้ว่าพื้นที่ชั้นที่ 2 เต็มไปด้วยอันตราย มันจึงเป็นเหตุผลที่อูดี้ได้มาปรากฏตัวท่ามกลางสนามรบแห่งนี้
ตอนแรกเซี่ยเฟยได้ทำการฆ่าสัตว์อสูรเป็นจำนวนมากเพื่อปลุกต้นไม้ปีศาจให้ตื่นขึ้นจากการหลับใหล แต่หลังจากที่ต้นไม้พวกนั้นได้สังหารนักสู้เซิร์กและกินร่างของพวกเขาเข้าไป มันยิ่งทำให้เลือดไหลชโลมไปทั่วทั้งแอ่งน้ำมากขึ้นกว่าเดิม
“ปกป้องราชาเร็ว ๆ เข้า!” วินดี้ตะโกนสั่งพร้อมกับรีบเข้ามาปกป้องอูดี้ทางด้านหน้า ทอมมี่คอยยืนปกป้องอูดี้ทางด้านหลัง ขณะที่บาทอรี่และนานี่คอยปกป้องอยู่ด้านข้าง
อ๊าก!!
ทันใดนั้นเองหลี่โม่ก็ส่งเสียงร้องคำรามอย่างบ้าคลั่ง คล้ายว่าเขากำลังตื่นเต้นที่ได้พบกับศัตรูเป็นจำนวนมาก
ก่อนออกเดินทางเลยูตี้ได้มอบขวานแยกภูเขาให้กับหลี่โม่เป็นอาวุธ ซึ่งขวานชนิดนี้เป็นขวานสองคมที่มีน้ำหนักมากกว่า 500 กิโลกรัม แต่มันก็แทบที่จะไม่มีประโยชน์ในระหว่างการต่อสู้กับสัตว์อสูรที่คล่องแคล่วว่องไวเลย แต่ถ้าหากศัตรูเป็นต้นไม้มันก็ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง เพราะอาวุธชนิดนี้จะสามารถแสดงพลังออกมาได้อย่างเต็มที่ เมื่อศัตรูไม่สามารถหลบการโจมตีอันรุนแรงของมันได้
ตูม!
ขวานแยกภูเขาถูกเหวี่ยงออกไปอย่างรุนแรงตัดต้นไม้ปีศาจทั่วทั้งแนวให้ขาดออกจากกัน และนอกจากนี้เขายังจุดไฟเผาซากต้นไม้ที่อยู่รอบ ๆ ไม่ให้พวกมันฟื้นฟูตัวกลับมาได้
หลี่โม่กระโดดลงไปในหนองน้ำพร้อมกับสะบัดขวานในมือออกไปอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างเส้นทางไปข้างหน้า และต้นไม้พวกนี้ก็ไม่สามารถที่จะทำอันตรายหลี่โม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว
“ดูเหมือนศิษย์ของนักพรตเลยูตี้คนนี้จะพอใช้การได้นะ” วินดี้กล่าว แต่ก่อนที่คำพูดของเขาจะจบลงมันก็มีเถาวัลย์เส้นหนึ่งลอบจู่โจมไปทางด้านหลังของหลี่โม่
การเคลื่อนไหวของเถาวัลย์เส้นนี้รวดเร็วมากและขนาดของมันก็มีเส้นรอบวงใหญ่กว่าขาของผู้ใหญ่ ซึ่งถ้าหากคนธรรมดาได้ถูกการโจมตีในครั้งนี้ไปนักรบคนนั้นก็คงจะตายหรือไม่ก็พิการ
ผัวะ!
เถาวัลย์ปะทะเข้ากับหลังของหลี่โม่แต่กลับเป็นตัวของมันเองที่แตกกระจายกลายเป็นเศษไม้ไปในอากาศ ขณะที่ทางหลี่โม่คล้ายกับไม่ได้รู้สึกเจ็บปวดจากการจู่โจมเมื่อสักครู่นี้เลย และเขาก็ยังคงเร่งฝีเท้าเดินทางไปด้านหน้าต่อไป
เหตุการณ์นี้ทำให้ทุกคนรู้สึกตกตะลึง เพราะมันเห็นได้ชัดว่าหลี่โม่ไม่ได้รับบาดเจ็บจากการจู่โจมเมื่อสักครู่เลยแม้แต่น้อย มันจึงทำให้ทุกคนแอบที่จะรู้สึกสงสัยขึ้นมาไม่ได้ว่าร่างกายของชายคนนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากเหล็กหรือยังไง
“ร่างเหล็กไหล! ท่านราชาลูกศิษย์ของท่านเลยูตี้คนนี้จะต้องมีพลังพิเศษร่างเหล็กไหลแน่ ๆ เพราะต้นไม้ปีศาจพวกนั้นไม่สามารถที่จะทำร้ายร่างกายเขาได้ ดูเหมือนการผ่านพื้นที่ชั้นนี้ไปจะไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเราอีกต่อไปแล้วนะ” วินดี้กล่าวขณะที่มือของเขายังคงต่อสู้กับเถาวัลย์อย่างต่อเนื่อง
เมื่อได้เห็นว่าหลี่โม่สามารถรับมือกับต้นไม้ปีศาจได้อย่างไม่มีปัญหา กองกำลังเซิร์กก็รีบจัดกระบวนทัพเดินตามหลังชายคนนี้ไป โดยหวังให้หลี่โม่เป็นคนเปิดทางจนพวกเขาเดินทางไปสู่พื้นที่ชั้นที่ 3
ขวับ!
เถาวัลย์พันเข้ากับนักรบเซิร์กทางด้านหลังพร้อมกับเหวี่ยงนักรบคนนั้นโยนเข้าไปภายในปาก ส่วนต้นไม้ปีศาจต้นอื่น ๆ ก็รีบบังคับเถาวัลย์ของพวกมันเพื่อคว้าเศษเนื้อที่กระจัดกระจายร่วงหล่นไปบนหนองน้ำ
เหตุการณ์นี้ทำให้อูดี้อดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้ เพราะพื้นที่ทางด้านหลังยังคงเป็นพื้นที่อันตรายและมันก็มีทหารเสียชีวิตลงไปทุกวินาที
นักสู้ทั้ง 100,000 คนที่เขาได้สรรหามาในครั้งนี้คือนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่เขาสามารถจะหามาได้ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ และถ้าหากว่ามันไม่ได้รวมกับกองกำลังนักสู้ชั้นยอดที่เดินทางไปร่วมสงคราม นักสู้เหล่านี้ก็ถือว่าเป็นนักสู้ระดับสูงกว่า 40% ของนักสู้ระดับสูงทั้งหมดในดินแดนเซิร์ก
แต่ปัจจุบันพวกเขายังไม่ทันจะได้ผ่านพื้นที่ชั้นที่ 2 ไปได้ด้วยซ้ำ แต่กองกำลังของพวกเขากลับได้รับความสูญเสียไปแล้วประมาณ 70% มันจึงทำให้ราชาแห่งเผ่าพันธุ์เซิร์กเริ่มรู้สึกเจ็บปวดขึ้นมาในหัวใจ
แต่ในทันใดนั้นชานี่ก็ได้นำกองกำลังบุกจู่โจมเข้ามาจากทางด้านหลังซึ่งมันก็ทำให้อูดี้รู้สึกตกตะลึง
“ตาข่ายมืด!” ชานี่ส่งเสียงร้องคำรามพร้อมกับโยนตาข่ายที่ถูกถักทอขึ้นมาจากความมืดเข้าไปใส่นักรบหลายสิบคนในพริบตา
นักรบที่ถูกตาข่ายความมืดจับเข้าไปไม่สามารถที่จะเคลื่อนไหวได้คล้ายกับร่างของพวกเขาถูกพันธนาการ และด้วยการจู่โจมของพวกชานี่จากทางด้านหลัง มันจึงทำให้กองกำลังของอูดี้สูญเสียในอัตราที่รวดเร็วกว่าเดิม
“ชานี่ นี่แกคิดก่อกบฏงั้นเหรอ?!” ทอมมี่ส่งเสียงร้องคำรามออกมาดังลั่น
“ถ้าฉันคิดจะก่อกบฏแล้วใครจะทำไม?” ชานี่กล่าวพร้อมกับส่งเสียงหัวเราะออกมาเสียงดัง
คำตอบนี้ทำให้ใบหน้าของทุกคนซีดเซียวลงอย่างฉับพลัน เพราะนอกเหนือจากศิษย์ของเลยูตี้แล้วมันก็ไม่มีใครในกองกำลังนี้เป็นคู่ต่อสู้ของชานี่ได้
เมื่อสถานการณ์เริ่มมาถึงจุดวิกฤตนักรบชุดดำ 2 คนก็ปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน โดยคนหนึ่งมีร่างกายสูงใหญ่ ส่วนอีกคนเป็นนักสู้ตัวเล็กที่ใส่หน้ากาก ทำให้ไม่มีใครสามารถมองเห็นใบหน้าที่แท้จริงของพวกเขาได้
“พี่ชานี่ ในเมื่อคุณตั้งใจที่จะก่อกบฏก็อย่าโทษว่าพวกเราสองพี่น้องทำตัวเสียมารยาท”
หลังจากพูดจบพวกเขาทั้งสองคนก็ถอดหน้ากากของตัวเองออก
“กุชชี่! กุชชานี่!”
“ที่แท้ 2 พี่น้องตระกูลกุชก็อยู่ในทีมของพวกเรามาโดยตลอด”
“กุชชี่กับกุชชานี่เป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์อันดับ 4 กับอันดับ 5 ถ้าหากว่าพวกเขาร่วมมือกันแม้แต่ชานี่ที่เป็นอันดับ 3 ก็ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้”
“พวกเรารอดแล้ว!”
กำลังใจของนักสู้ในกองกำลังของอูดี้เพิ่มขึ้นจากเดิมเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อมันได้มีพี่น้องตระกูลกุชคอยสู้อยู่เคียงข้าง มันย่อมเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับทีมของพวกเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
ในเวลาเดียวกันการปรากฏตัวของพี่น้องตระกูลกุชก็ทำให้ชานี่รู้สึกตื่นตระหนก เพราะเขาไม่เคยคิดเลยว่าอูดี้จะได้เชิญนักสู้ 2 พี่น้องที่อยู่อย่างสันโดษเข้ามาร่วมเป็นองครักษ์ปกป้องเขาในการเดินทางครั้งนี้ได้ และเมื่อมันได้รวมกับหลี่โม่ผู้ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของเลยูตี้, ทอมมี่ผู้ซึ่งเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์ระดับ 7, วินดี้ผู้ซึ่งเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์อันดับ 8, นานี่ผู้ถึงเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์อันดับ 9 และบาทอรี่ผู้ซื้อเป็นนักรบศักดิ์สิทธิ์อันดับ 11 มันย่อมทำให้สถานการณ์ทางฝ่ายของเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบอย่างไม่ต้องสงสัย
“ฉันไม่คิดเลยว่าพวกนายสองคนจะมาอยู่ที่นี่” ชานี่กล่าวอย่างไม่เต็มใจ
“หลังจากที่พวกเราสองพี่น้องได้พ่ายแพ้ให้กับคุณและตกมาอยู่ในอันดับที่ 4 กับ 5 ของกระดานจัดอันดับ พวกเราก็เก็บตัวฝึกฝนเป็นเวลานานกว่า 20 ปีและต้องการที่จะกลับมาเผชิญหน้ากับคุณอีกครั้ง แต่เราไม่คิดเลยว่าการเผชิญหน้าในครั้งนี้มันจะเป็นการเผชิญหน้าที่ตำแหน่งของพวกเราไม่เหมือนเดิม” กุชชี่กล่าว
“เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว!” ชานี่ตะโกนเสียงดังพร้อมกับเริ่มรวบรวมความมืดภายในมือทั้งสองข้างของเขาอย่างรวดเร็ว
ตูม!
วินาทีต่อมาการต่อสู้ก็กลายเป็นเรื่องที่ชุลมุนมากขึ้นกว่าเดิม เพราะการต่อสู้ได้เปลี่ยนเป็นการต่อสู้จากทั้งสามฝ่ายคือฝ่ายต้นไม้ปีศาจ, ฝ่ายสมาพันธ์นักปราชญ์และฝ่ายของเต็นท์ทองคำ
“นานี่รีบแยกตัวออกไปดูพื้นที่ชั้นที่ 3 เดี๋ยวนี้! ว่ามันมีกับดักอะไรรอพวกเราอยู่อีกหรือเปล่า?” อูดี้ออกคำสั่งให้กับนานี่ที่อยู่ใกล้ ๆ
—
ปัจจุบันเซี่ยเฟยได้เดินทางมาจนถึงพื้นที่ชั้นที่ 3 แล้ว โดยสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยกำแพงหินสูงหลายร้อยเมตรที่มีความคดเคี้ยวราวกับเขาวงกตที่ไม่มีที่สิ้นสุด
“มันมีข้อมูลอะไรแสดงบนแผนที่หรือเปล่า?” อันธถาม
“ไม่มี ข้อมูลบนแผนที่ว่างเปล่ามาก ดูเหมือนพื้นที่ชั้นที่ 3 น่าจะเป็นเขาวงกต” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับส่ายหัว
อันธขมวดคิ้วพร้อมกับพยายามพิจารณากำแพงหินอย่างระมัดระวัง เพราะถ้าหากพวกเขาต้องเดินทางผ่านเขาวงกตที่มีความยาวหลายร้อยกิโลเมตรนี้ไป มันก็อาจจะต้องใช้เวลานานมากพอสมควร
ตูม!
เซี่ยเฟยนำดาบอีวีสเซอเรทออกมาจากแหวนมิติพร้อมกับฟาดฟันใส่กำแพงหินอย่างรุนแรง
เมื่อใบดาบปะทะเข้ากับกำแพงมันก็เหมือนมีพลังงานชั้นบาง ๆ ปิดกั้นการโจมตีในครั้งนี้เอาไว้ ทำให้ดาบอีวีสเซอเรทไม่สามารถที่จะทำลายกำแพงหินลงไปได้
“ไม่มีประโยชน์หรอก บนกำแพงมีชั้นพลังงานห่อหุ้มอยู่ แม้แต่พื้นที่ด้านบนของกำแพงก็ถูกคลุมเอาไว้ด้วยชั้นพลังงานด้วยเหมือนกัน ดูเหมือนว่านายจำเป็นจะต้องเดินทางผ่านพื้นที่เขาวงกตนี้ไปด้วยวิธีการปกติเท่านั้น ไม่สามารถที่จะใช้ทางลัดแบบที่นายคิดเอาไว้ได้” อันธกล่าว
เขาวงกตมีทางเข้าอยู่มากกว่าหนึ่งทาง ซึ่งในระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังเดินสำรวจเขาก็ได้พบกับโครงกระดูกตั้งแต่สมัยโบราณนอนพิงกำแพงอยู่ไม่ไกล
ที่โครงกระดูกนั้นมีร่องรอยการถูกทำลายที่หน้าผาก ซึ่งมันเห็นได้ชัดเลยว่าบาดแผลที่ทำให้เขาเสียชีวิตคือการที่เขาถูกวัตถุแข็งอะไรบางอย่างแทงทะลุพื้นที่บริเวณนี้
“ในเขาวงกตน่าจะเต็มไปด้วยกับดักและคนคนนี้ก็น่าจะเสียชีวิตด้วยกับดักในเขาวงกต” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับชี้ไปที่โครงกระดูก
“ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” อันธกล่าวพร้อมกับพยักหน้า
“ไปกันเถอะ มาลองดูกันดีกว่าว่าในเขาวงกตนี้มันจะมีกับดักอะไรพอจะใช้งานได้บ้าง” เซี่ยเฟยกล่าวพร้อมกับเคลื่อนที่เข้าไปในเขาวงกตเพื่อทดสอบ
คลิก!
หลังจากที่ชายหนุ่มเดินเข้าไปในเขาวงกตเพียงแค่ไม่กี่ก้าว เขาก็เดินเหยียบกลไกที่ถูกตั้งเอาไว้บนพื้นและมันก็มีหนามแหลมเป็นจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากพื้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งหนามแหลมแต่ละอันต่างก็ล้วนแล้วแต่มีความยาวมากกว่า 10 เมตรและพวกมันก็พุ่งขึ้นมาอย่างว่องไว
เล่ห์กายา!
เซี่ยเฟยเคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วพุ่งผ่านช่องว่างแคบ ๆ ระหว่างหนามแหลมแต่ละเล่มที่พุ่งขึ้นมาจากพื้น
“อันตรายมาก! ไม่น่าเชื่อเลยว่ากับดักพวกนั้นจะเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าที่ฉันได้จินตนาการเอาไว้” เซี่ยเฟยหันไปมองกับดักด้านหลังพร้อมกับขมวดคิ้ว
***************
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 300
แสดงความคิดเห็น