ตอนที่ 165: นักแสดงยอดเยี่ยม
ตอนที่ 165: นักแสดงยอดเยี่ยม
บริเวณรอบนอกของคฤหาสน์แบล็ควอเตอร์
ทะเลสาบแบล็ควอเตอร์อยู่ห่างออกมาจากตัวเมืองไม่ถึง 50 กิโลเมตร โดยสถานที่แห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของดาววีนอล 24
ถึงมันจะได้ชื่อว่าทะเลสาบแบล็ควอเตอร์แต่น้ำภายในทะเลสาบก็เป็นสีฟ้าใส เพียงแต่ว่าก้นของทะเลสาบลึกมากจนแสงสว่างส่องลงไปไม่ถึง มันจึงทำให้เมื่อมองจากระยะไกลทะเลสาบแห่งนี้จึงดูเหมือนเป็นทะเลสาบสีดำ
ทะเลสาบแบล็ควอเตอร์เปรียบเสมือนกับเครื่องปรับอากาศที่อบอุ่นในช่วงฤดูหนาวและเย็นสบายในช่วงฤดูร้อน โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่จะมีหมอกสีขาวลอยขึ้นมาบนผิวทะเลสาบเป็นชั้น ๆ จนทำให้ทะเลสาบแห่งนี้ดูคล้ายกับแดนสวรรค์
มีคนที่สามารถซื้อคอนโดในกลุ่มดาวนครหลวงได้เพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น เพราะที่ดินทุกตารางนิ้วในนครหลวงแห่งนี้มีค่ามากกว่าคฤหาสน์ในดาวเคราะห์ทั่ว ๆ ไป ดังนั้นคนที่สามารถอาศัยอยู่ริมทะเลสาบแบล็ควอเตอร์จึงมีเพียงแต่พวกคนรวยที่เป็นชนชั้นสูงของสังคม
เซี่ยเฟยสวมชุดนอนสีดำเดินออกมาจากห้อง ก่อนที่เขาจะทักทายผางชิงเล็กน้อยและแอบออกไปเพื่อพบกับสามพี่น้องตระกูลหลิง
ช่วงเวลานี้แอวริลเหนื่อยกับการดูแลเซี่ยเฟยตลอดทั้งวัน แต่เนื่องมาจากเธอไม่ค่อยคุ้นเคยกับการดูแลคนอื่นมากนัก มันจึงทำให้เธอเข้าสู่ห้วงนิทราเร็วกว่าเวลาปกติ
แต่ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะยังไม่หลับเซี่ยเฟยก็คงจะไม่เล่าเรื่องนี้ให้เธอฟังอยู่ดี เพราะมันไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องทำให้เธอรู้สึกกลัว หญิงสาวที่ร่าเริงเหมือนเธอควรจะใช้ชีวิตอยู่ในแสงสว่างส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นในความมืดเขาจะเป็นคนจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง
บริเวณด้านนอกของคฤหาสน์แบล็ควอเตอร์หมายเลข 95 มีถนนสายเล็ก ๆ อยู่ภายในป่า ซึ่งในปัจจุบันมันได้มีรถขนสินค้าขนาดเล็กจอดอยู่ใต้ร่มไม้และรถคันนี้ก็คือเป้าหมายของเซี่ยเฟย
หากมองจากด้านนอกรถขนสินค้าคันนี้ก็ดูเป็นเพียงรถธรรมดา ๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันคือฐานลาดตระเวนเคลื่อนที่ที่มีเอาไว้สำหรับการทำภารกิจลาดตระเวน
หลิงหยุนเปิดประตูให้เซี่ยเฟยเข้ามาในรถ ก่อนที่เขาจะได้เห็นหน้าจอกล้องวงจรปิดจากมุมต่าง ๆ ทั่วทั้งคฤหาสน์มากกว่า 10 มุม
ไม่น่าเชื่อเลยว่าพี่น้องตระกูลหลิงจะสามารถแอบติดกล้องวงจรปิดทั่วทั้งคฤหาสน์ได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้
เซี่ยเฟยรู้อยู่แล้วว่าหลิงเซียวน่าจะแอบซ่อนตัวอยู่ภายในคฤหาสน์ เพราะท้ายที่สุดมันก็ไม่มีกำแพงไหนที่สามารถหยุดผู้ใช้พลังมิติแบบหลิงเซียวได้
หลิงหยุนพยักหน้าให้เซี่ยเฟยก่อนที่จะส่งหูฟังให้ชายหนุ่มและชี้นิ้วไปที่หนึ่งในหน้าจอนับสิบ
ภาพในหน้าจอคือภาพในห้องนั่งเล่นของคฤหาสน์แบล็ควอเตอร์หมายเลข 95 ซึ่งแบ็ตตี้กำลังนอนเล่นอยู่บนโซฟาโดยมีเด็กชายคนหนึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลจากเขา
แบ็ตตี้ดูเหมือนเดิมทุกอย่างยกเว้นใบหน้าที่มีสีแดงเล็กน้อยเนื่องจากฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ และเขาก็กำลังหายใจเข้าออกอย่างหนักราวกับกำลังนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น
ภาพของเลือดและเครื่องในที่กระจัดกระจายเป็นเหมือนกับเครื่องปรุงรสที่ช่วยทำให้ชีวิตของเขามีชีวิตชีวา ซึ่งไม่เพียงแต่เขาจะรู้สึกชื่นชอบรสชาติแบบนี้เท่านั้น แต่เขายังรู้สึกราวกับว่ารสชาติแบบนี้เป็นรสชาติที่เกิดขึ้นมาสำหรับเขาโดยเฉพาะ
คนปกติคงจะรู้สึกสะอิดสะเอียนกับรสชาติที่แบ็ตตี้ได้จินตนาการถึง และมันก็คงจะมีเพียงแต่คนที่มีบุคลิกบิดเบี้ยวอย่างเขาเท่านั้นที่จะรู้สึกสนุกกับภาพเหตุการณ์เช่นนั้นได้
ขณะเดียวกันเด็กชายที่อยู่ใกล้ ๆ แบ็ตตี้ก็ดูแปลกมาก เพราะถึงแม้ว่าเขาจะยังเด็กแต่มันกลับมีรอยย่นอยู่บนใบหน้า นอกจากนี้รูปร่างของเขายังดูแปลกมากเกินไปคล้ายกับว่าเด็กคนนี้เป็นคนแคระ
ลูกชายของแบ็ตตี้กำลังเล่นรูบิคภายในมืออย่างงุ่มง่าม โดยมีน้ำลายไหลที่มุมปากและการเคลื่อนไหวของเขาก็เชื่องช้า
หลิงหยุนทำการพิมพ์ข้อมูลอะไรบางอย่างออกมาจากแท็บเล็ต ก่อนที่เขาจะทำการส่งข้อมูลนี้ให้กับเซี่ยเฟย
เมื่อชายหนุ่มรับกระดาษขึ้นมาดูเขาก็ได้พบว่ามันเป็นข้อมูลของแม่ลูกที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้
ตามข้อมูลเด็กคนนั้นมีชื่อว่า ‘ปาล์ม’ ถึงแม้รูปร่างภายนอกของเขาจะเหมือนเด็ก แต่ในปีนี้เขาก็มีอายุ 25 ปีแล้ว น่าเสียดายที่ปาล์มเป็นคนสมองพิการตั้งแต่เกิดทำให้เขามีสติปัญญาไม่ต่างไปจากสุนัขและมีอายุอยู่ได้ไม่เกิน 40 ปีเท่านั้น
นอกจากนี้ปาล์มยังทุกข์ทรมานจากสภาวะแคระแกร็นที่หากพบได้ยาก ซึ่งมันก็หมายความว่าถึงแม้เขาจะมีโอกาสอยู่ได้ไปอีก 1,000 ปี แต่เขาก็จะมีน้ำหนักและส่วนสูงเหมือนกับเด็กอยู่เสมอ
ชื่อในทะเบียนราษฎร์ของปาล์มคือโจว ปาล์ม ซึ่งเป็นนามสกุลเดียวกันกับแม่
ถ้าหากว่าเขาเป็นลูกชายของแบ็ตตี้จริง ๆ แล้วทำไมเขาถึงต้องใช้นามสกุลของแม่เขาด้วย?
ยิ่งไปกว่านั้นแบ็ตตี้ยังเป็นหมันตั้งแต่อายุ 16 ปีแล้วเขาจะมีลูกชายคนนี้ได้ยังไง?
เซี่ยเฟยขมวดคิ้วด้วยความสับสนก่อนที่เขาจะเปลี่ยนไปอ่านข้อมูลของผู้เป็นแม่
ผู้หญิงบนหน้าจอคอมพิวเตอร์มีชื่อว่าโจว หยูฉิง อายุ 39 ปีแล้วตามข้อมูลคือเธอยังไม่เคยแต่งงาน
ถ้าหากแม่มีอายุ 39 และลูกชายมีอายุ 25 ในปีนี้ มันก็หมายความว่าโจวหยูฉิงตั้งท้องตั้งแต่อายุ 13 ปี ซึ่งในตอนนั้นแบ็ตตี้มีอายุแค่ 15 ปีและยังไม่ใช่คนพิการ!
‘แบ็ตตี้ทำสาวท้องตั้งแต่อายุ 15 แล้วเก็บเรื่องนี้เป็นความลับมาตลอดเลยงั้นหรอ?’ เซี่ยเฟยคิดภายในใจ
หากคิดตามเหตุและผลแล้ว การที่แบ็ตตี้กับโจวหยูฉิงซ่อนเรื่องนี้เอาไว้มันก็ไม่ใช่เรื่องที่แปลกอะไร เพราะในตอนนั้นพวกเขายังเด็กมาก
แต่พวกเขาสามารถซ่อนเรื่องนี้เอาไว้ได้ 25 ปีโดยที่ไม่มีใครรู้เรื่องเลยเนี่ยนะ?
หลังจากอ่านรายละเอียดแม่ลูกคู่นี้ 2-3 ครั้ง เซี่ยเฟยก็ทำการวิเคราะห์ข้อมูลซ้ำแล้วซ้ำเล่าพร้อมกับพยายามพิจารณาสถานการณ์ต่าง ๆ ที่มีความเป็นไปได้
ในเวลาเดียวกันโจวหยูฉิงก็เดินเข้ามาในห้องนั่งเล่น ชายหนุ่มจึงหยุดคิดเป็นการชั่วคราวพร้อมกับพยายามสังเกตเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
โจวหยูฉิงถือชามที่บรรจุของเหลวสีดำภายในมือข้างหนึ่งและมืออีกข้างหนึ่งของเธอก็ถือถุงน้ำแข็ง
คุณแม่วัย 39 ปีคนนี้ดูแลตัวเองเป็นอย่างดีทำให้ภายนอกเธอดูไม่ต่างไปจากสาววัย 20 กว่า ๆ เลย โดยเธอคนนี้มีผมสั้นสีดำ, ไม่สวมใส่เครื่องประดับใด ๆ และแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าสบาย ๆ คล้ายกับว่าเธอเป็นคนติดดิน
เซี่ยเฟยให้ความสนใจกับดวงตาของเธอเป็นพิเศษ เพราะดวงตาคู่นี้เป็นดวงตากลมโตที่ดูมีเสน่ห์ นอกจากนี้เธอยังเดินบิดเอวไปมาเหมือนกับงูคล้ายกับว่าเธอกำลังพยายามยั่วยวนผู้พบเห็นตลอดเวลา
เมื่อโจวหยูฉิงเดินมาจนถึงแบ็ตตี้เธอก็พยายามประคองสามีขึ้นมานั่งพร้อมกับยื่นซุปในมือให้สามีดื่ม
“ดื่มซุปแก้เมาค้างหน่อยไหม? มันจะช่วยให้คุณอาการดีขึ้น” โจวหยูฉิงพูดขึ้นมาเบา ๆ และถึงแม้ว่าเซี่ยเฟยจะฟังผ่านเครื่องดักฟัง แต่เขาก็สัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์อันเย้ายวน
ดูเหมือนผู้หญิงคนนี้จะเป็นนางจิ้งจอกชัด ๆ!
หลังจากแบ็ตตี้ดื่มซุปแก้อาการเมาค้างเข้าไปแล้ว โจวหยูฉิงก็เอาผ้าประคบน้ำแข็งมาประคบที่หน้าผากของสามีเพื่อให้เขารู้สึกดีขึ้น
“ปาล์มกลับไปที่ห้องของลูกก่อน” โจวหยูฉิงหันไปพูดกับลูกชาย
ปาล์มที่กำลังน้ำลายไหลยืดหันไปมองแม่ของเขาเป็นเวลานานมาก ก่อนที่จะลุกขึ้นด้วยรอยยิ้มโง่ ๆ และกำลังจะเดินจากไป
“ปาล์มแม่เคยสอนว่ายังไง!” โจวหยูฉิงพูดขึ้นมาด้วยเสียงดุเมื่อเห็นลูกชายกำลังจะจากไปเฉย ๆ
ปาล์มกระพริบตาปริบ ๆ โดยไม่รู้ว่ามารดาของเขากำลังพยายามจะสื่ออะไร เพราะท้ายที่สุดไม่ว่าจะเป็นการตอบสนองหรือการสื่อสารของเขาก็แย่มาก
“พูดว่า ‘ราตรีสวัสดิ์’ ” โจวหยูฉิงกล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว
“รา…ตี…สา…วาด” ปาล์มพูดขึ้นมาอย่างตะกุกตะกักหลังจากใช้เวลาเกาหัวอยู่นาน
“พอเถอะอย่าไปทรมานเขาเลย เธอก็รู้ว่าสมองของเขาไม่ดี” แบ็ตตี้กล่าวขึ้นมาอย่างหงุดหงิดเล็กน้อย
แม้ว่าโจวหยูฉิงจะเข้มงวดกับลูกชายของตัวเองมาก แต่เธอก็เอาอกเอาใจสามีของตัวเองเป็นอย่างดี
หากใครได้มามองเห็นภาพนี้พวกเขาก็จะสามารถสัมผัสได้ในทันทีว่าการกระทำของเธอเป็นเพียงแค่การแสดง เพราะมันไม่ใช่การแสดงออกของผู้หญิงตามปกติเลย ดังนั้นการที่เธอทำแบบนี้มันก็หมายความว่าเธอได้มีเจตนาแอบแฝง
หลังจากปาล์มกลับเข้าไปภายในห้องของเขาแล้ว โจวหยูฉิงก็เข้าไปออดอ้อนแบ็ตตี้เหมือนกับลูกแมวและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันมีเสน่ห์ที่เย้ายวน
“เป็นเพราะว่าเขาหัวไม่ดีฉันเลยจำเป็นจะต้องเข้มงวดกับเขา ถ้าหากว่าในอนาคตฉันเป็นอะไรไปปาล์มจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีคนดูแล เด็กคนนั้นช่างน่าสงสารจริง ๆ ตั้งแต่เขาเกิดขึ้นมาเขาก็ไม่เคยมีอะไรเป็นของตัวเองเลย”
เซี่ยเฟยเผยรอยยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยและอยากจะมอบรางวัลนักแสดงยอดเยี่ยมให้กับหญิงสาวคนนี้จริง ๆ
หากผู้หญิงคนใดฉลาดมากพอพวกเธอจะรู้ว่าอาวุธที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผู้หญิงไม่ใช่รูปร่างหน้าตาที่สวยงามแต่เป็นการปรนนิบัติสามีเป็นอย่างดี
เห็นได้ชัดเลยว่าโจวหยูฉิงสามารถใช้อาวุธของเธอได้อย่างคล่องมือ ดังนั้นถึงแม้ว่าแบ็ตตี้จะโกรธมากแค่ไหนแต่เขาก็ไม่สามารถจะพาลเข้าใส่หญิงสาวคนนี้ได้
“ฉันซื้อกองทุนเอาไว้ในชื่อของปาล์มแล้วไม่ใช่หรอ เงินในกองทุนนั้นมากพอที่จะทำให้เขาใช้จ่ายหาคนดูแลไปได้ตลอดชีวิต เธอไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนั้นหรอก” แบ็ตตี้กล่าว
จู่ ๆ โจวหยูฉิงก็เปลี่ยนวิธีการแสดงเป็นนางสำออยที่กำลังเรียกร้องความสงสาร
“บางทีแค่เขามีเงินก็อาจจะยังไม่พอ”
“แล้วเธอจะต้องการอะไรอีก?” แบ็ตตี้ถาม
โจวหยูฉิงใช้มือลูบหน้าอกของแบ็ตตี้อย่างเย้ายวนก่อนที่จะพูดกระซิบขึ้นมาเบา ๆ ว่า
“สำหรับฉันขอแค่คุณอยู่กับฉันไปในทุก ๆ วันมันก็พอแล้ว แต่สำหรับปาล์มถึงยังไงเขาก็เป็นทายาทของตระกูลเจี่ยน แล้วคุณสามารถทนดูเขาเป็นแบบนี้ไปตลอดชีวิตได้จริง ๆ หรอ?”
ระหว่างบทสนทนาโจวหยูฉิงได้แสดงความสามารถในฐานะนักแสดงออกมาได้อย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการบีบน้ำตาและการพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือคล้ายกับเธอเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่น่าสงสารและมีความในใจที่ไม่กล้าจะบอกใคร
คำพูดพวกนี้ถึงกับทำให้แบ็ตตี้พูดไม่ออก เพราะการที่เขาไม่สามารถนำสองแม่ลูกเข้าไปในตระกูลเป็นความเจ็บปวดภายในใจของเขาเสมอมา และความเจ็บปวดนี้ยังมีความเกี่ยวข้องกับความพิการของเขาโดยตรง มันจึงกลายเป็นภาพที่ดูเหมือนกับจะสวยงามแต่เบื้องหลังกลับเต็มไปด้วยความหดหู่
หลังจากเงียบไปนานแบ็ตตี้ก็ถอนหายใจก่อนที่จะตอบออกไปว่า
“เรื่องนี้ไม่ต้องรีบร้อน เดี๋ยวพวกเราค่อยคุยกันทีหลัง”
ทันใดนั้นโจวหยูฉิงก็ทำการเคลื่อนไหวที่ทำให้ทุกคนต้องประหลาดใจอีกครั้ง เพราะมันได้มีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของเธอก่อนที่เธอคนนี้จะกอดแบ็ตตี้เอาไว้แน่น
“ขอบคุณนะคะที่ตามใจฉันเสมอ ฉันดีใจที่ได้เป็นผู้หญิงของคุณและจะรักคุณตลอดไป”
สำหรับผู้ชายทุกคนแล้วคำพูดพวกนี้ก็เป็นสิ่งที่หาฟังได้ยากมาก และถึงแม้ว่าปัจจุบันแบ็ตตี้จะไม่ใช่ผู้ชายที่สมบูรณ์แต่เขาก็ยังรู้สึกประทับใจกับคำพูดของภรรยาอยู่ดี
“ไม่ต้องห่วง ฉันได้ยินมาว่าอีกไม่นานพ่อจะกลับมาแล้ว เดี๋ยวฉันจะเล่าเรื่องของเราให้พ่อฟัง” แบ็ตตี้กล่าวด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นพร้อมกับใช้มือลูบศีรษะภรรยาอย่างแผ่วเบา
โจวหยูฉิงร้องไห้หนักมากขึ้นกว่าเดิมราวกับว่าเธอรู้สึกปลาบปลื้มใจกับคำพูดของแบ็ตตี้
เซี่ยเฟยอยากจะปรบมือให้กับฉากแสดงตรงหน้าจริง ๆ เขารู้สึกว่าเขาประเมินผู้หญิงคนนี้ต่ำเกินไปเพราะทักษะการแสดงของเธอมันอยู่ในระดับจักรวาล
แต่ทันใดนั้นเองมันก็ดูเหมือนหลิงหยุนจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง เขาจึงลุกขึ้นมาจากเก้าอี้และอุทานออกมาเสียงดัง
“แย่แล้ว! น้องสามกำลังตกอยู่ในอันตราย!!”
***************
สารบัญ / นำทาง
- 👁️ ยอดวิว 230
แสดงความคิดเห็น